ธันวา วงศ์เสงี่ยม
ร.5◦ ตั้งกรมพยาบาล โรงพยาบาลศริิราช โอสถสภา แพทย์ประจ าต าบล สุขาภิบาล
ร.6 ◦ ปรับปรุงโรงเรียนแพทย์ ตั้งกรมสาธารณสุข โครงการก าจัดพยาธิปากขอ ขยายการสุขศึกษา
ร.7◦ ปรับปรุงสุขาภิบาล คาร์ล ซิมเมอร์แมน ส ารวจชนบทสยาม
มีพลเมืองน้อยเมื่อเทยีบกับพื้นที่ และอัตราการตายสูง
ต้องเพิ่มพลเมืองเพื่อเพิ่มการผลิต
สมรรถภาพพลเมืองขึ้นอยูก่บัสุขภาพ
รัฐบาลยังไม่ได้ปราบโรคต่างๆ อยา่งจริงจงั
ต้องพัฒนาการแพทย์ในชนบท
เร่งอบรมแพทย์ชั้นรอง
คณะราษฎร◦ สร้างความนิยมให้ระบอบใหม่
ได้รับอิทธิพลจากหลายฝ่าย◦ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร – กระตุ้นรัฐบาลให้ด าเนินการด้านสาธารณสุข◦ ราษฎร – ส่งหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลปรับปรุงกิจการสาธารณสุข◦ ผู้เชี่ยวชาญ – คณะกรรมการพิจารณาการสาธารณสุขและการแพทย์◦ ต่างประเทศ – ส่งบุคลากรไปอบรม เข้าร่วมประชุมทางสาธารณสุข
รัฐต้องการดูแลสุขภาพพลเมืองเพื่อประโยชน์ในการผลิตและความก้าวหน้าของประเทศ
พลเมืองเรียกร้องให้รัฐคุ้มครองดแูลสุขภาพ โดยเฉพาะคนในชนบท
1. ปรับปรุงกฎหมายและสื่อต่างๆ ที่ใช้ควบคุมดูแลสุขภาพพลเมือง พระราชบัญญัตสิาธารณสุข พ.ศ.2477 พระราชบัญญัตโิรคติดตอ่ พ.ศ.2477 พระราชบัญญัตคิวบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2479 การใช้สื่อสาธารณสุข - วิทยุกระจายเสียงให้ความรู้
2. ขยายการบ าบัดโรค โครงการอนามัยหัวเมือง พ.ศ.2478 ใช้การรักษาโรคที่ได้ผลรวดเร็วกว่าการป้องกันโรค สร้างโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ เริ่มจากจังหวัดชายแดน สร้างสุขศาลาชั้น 1 ประจ าอ าเภอ สุขศาลาชั้น 2 ประจ าต าบล ปีละ 40-50 แห่ง ผลิตบุคลากรการแพทย์ชั้น 2 คือผู้ช่วยแพทย์เพื่อไปประจ าสุขศาลา
3. ควบคุมโรคที่เปน็ปัญหาส าคัญ โรคไข้จับสั่น – โครงการควบคุมไข้จับสั่น, หน่วยควบคุมไข้จับสั่นในพื้นที่
ชุกชุม โรคจิต – สร้างโรงพยาบาลโรคจิตในภาคต่างๆ โรคเรือ้น – ส ารวจจ านวนผู้ป่วยโรคเรือ้นทั่วประเทศ, สร้างโรงพยาบาล
โรคเรือ้นจังหวัดขอนแก่น
รัฐบาลจอมพล ป. มีนโยบายชาตินิยม – สร้างชาติให้เป็นมหาอ านาจ เพิ่มพลเมืองทั้งปริมาณและคุณภาพ
◦ เพิ่มการเกิด◦ ลดการตาย◦ เสริมสร้างร่างกาย
ใช้การประชาสัมพันธ์ – กรมโฆษณาการ, สื่อสมัยใหม่ ลงลึกถึงชีวิตประจ าวัน – กิน นอน อาบน้ า แปรงฟัน แต่งกาย ฯลฯ
1. สนับสนุนการแต่งงานและก าเนิดบุตร - เพื่อประโยชน์ของชาติ อุปการะผู้มีบุตรมาก ประกอบพิธีสมรสหมู่ เลื่อนขั้นเงินเดือนโดยดูจากสถานะการสมรส เก็บภาษีชายโสด – พ.ร.บ.ภาษีชายโสด พ.ศ.2487
2. ก าหนดมาตรฐานการแต่งงานและก าเนิดบุตร ยูเจนิกส์ – พันธุ์ดี ตรวจร่างกายก่อนการสมรส – เพื่อให้ได้ลูกแข็งแรง
1. สงเคราะห์มารดาและเด็ก ขยายจ านวนนางผดุงครรภ์ไปประจ าตามอ าเภอและต าบล จัดหน่วยสงเคราะห์มารดาและเด็กเคลื่อนที่ จัดงานวันแม่ – 10 มีนาคม วันก่อต้ังกระทรวงสาธารณสุข
2. ขยายการป้องกันและบ าบัดโรค สร้างสถานพยาบาลตามต่างจังหวดั –โรงพยาบาล, สขุศาลา ควบคุมโรคที่เป็นปัญหาให้เข้มงวดขึ้น
3. ปรับปรุงสภาพแวดล้อม – ความสะอาด, ความเป็นระเบียบ
1. ส่งเสริมโภชนาการและสุขอนามัย ให้กินโปรตีน – จะได้แข็งแรง ห้ามกิน – หมาก, แมลง, สัตว์เลื้อยคลาน, เลิกกินจุกกินจิก ส่งเสริมการท าสวนครัวและเลี้ยงสัตว์ไว้รับประทาน
2. เสริมสร้างร่างกาย กิน นอน ท างาน พักผ่อนให้เป็นเวลา – รัฐนิยม รักษาสุขภาพตามค าแนะน าของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ปรับพฤติกรรม – สวมหมวก, สวมรองเท้า, แปรงฟัน, เลิกเคี้ยวอาหาร
ป้อนเด็ก ออกก าลังกาย – เรือนร่างในอุดมคติ ประกวดชายงาม นางงาม
รัฐบาลพลเรือนช่วงสั้นๆ พ.ศ.2488 – 2490
รัฐประหาร พ.ศ.2490 – จอมพล ป. เป็นนายกฯ
◦ บริบทสงครามเย็น – ต่อต้านคอมมิวนิสต์
◦ สร้างโรงพยาบาลครบทุกจังหวัด พ.ศ.2490 – 2500
◦ ผลิตบุคลากรการแพทย์ชั้น 1 เพิ่ม – แพทย์, ทันตแพทย์, เภสัชกร, พยาบาล
◦ รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
องค์การระหว่างประเทศ – WHO, UNICEF
สหรัฐอเมริกา – ICA, USOM
การควบคุมไข้จับสั่น – พ่นด.ีดี.ที. ตามบ้านเรือน
การควบคุมวัณโรค – ฉีดวัคซีนบี.ซี.จี ทั่วประเทศ
การควบคุมคุดทะราด – หน่วยควบคุมคุดทะราด
การควบคุมโรคเรื้อน - หน่วยเคล่ือนที่บ าบัดตามบ้าน
การสงเคราะห์แม่และเด็ก – หน่วยเคลื่อนที่, สถานสงเคราะห์แม่และเด็ก
สร้างสุขศาลา - โรงพยาบาล, หน่วยอนามัยนักเรียน
การใช้วิทยาการใหม่ๆ ช่วยลดการป่วยและตายอย่างเห็นได้ชัด◦ ไข้จับสั่น – พ่นด.ีดี.ที. ครอบคลุมพลเมืองกว่า 10 ล้านคน ลดอัตราการตายจาก 40,000-50,000 คนต่อปี เหลอื 15,000 คนต่อปี
◦ วัณโรค – ฉีดวัคซีนประชาชนกว่า 2 ล้านคน◦ คุดทะราด –รักษาผู้ป่วยกว่า 1 ล้านคน แทบไม่เหลอืเป็นปญัหาสังคม◦ การสงเคราะห์แมแ่ละเด็ก – ลดอัตราการตายของทารก จากปีละ 100 คนต่อเด็กพันคน เหลอื 50 คน ต่อเด็กพันคน
ความช่วยเหลือและวิทยาการใหม่ๆ ก็ท าให้บริการทางการแพทย์มีราคาแพงขึ้น เป็นเชิงพาณิชย์ยิ่งขึ้น และตกอยู่ในภาวะพึ่งพิง
กลาโหม47%
มหาดไทย32%
สาธารณสุข4%
ศึกษาธกิาร8%
พาณิชย-์อุตสาหกรรม1%
เกษตร-สหกรณ์5%
คมนาคม3%
กิจการสาธารณสุขได้รับผลจากปัจจยัภายในและภายนอกประเทศ
ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และอุดมการณ์ของรัฐบาลแต่ละสมัย
เป็นเครื่องมือหนึง่ที่ใช้ควบคุมดูแลพลเมืองเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่รฐั
เกิดผลเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพลเมือง